สถานที่ท่องเที่ยว อาหารท้องถิ่น และร้านอาหารใกล้เคียง
เรือนธารารีสอร์ท หนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี ตั้งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว อำเภอเก่าหนองจอก ซึ่งเคยเป็นอำเภอหนึ่ง ของจังหวัดเพชรบุรีในสมัยก่อน ตอนหลังได้ย้ายไปอยู่ที่อำเภอชะอำ และในปัจจุบันหนองจอกได้กลายเป็นตำบล
ชุมชนหนองจอกมีแผนผังหมู่บ้านเหมือนชุมชนใหญ่ ที่วางผังเมืองไว้ดีมากมาตั้งแต่สมัยโบราณ และทิ้งร่องรอย
รากเหง้าวัฒนธรรม ประเพณี แหล่งท่องเที่ยว หลงเหลือไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม
รากเหง้าวัฒนธรรม ประเพณี แหล่งท่องเที่ยว หลงเหลือไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม
รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่ใกล้รีสอร์ทจุดต่างๆ ทั้งทะเล คาเฟ่ชิลๆ ร้านอาหารขึ้นชื่อ ถูกรวบรวมไว้ในนี้แล้วค่ะ
สถานที่เหล่านี้ เป็นสถานที่ ที่มาเที่ยวหนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี ห้ามพลาดค่ะ ตามมาดูกันนะคะ
1.สตรีทอาร์ท และย่านชุมชนเก่าหนองจอก
งานสตรีทอาร์ทที่หนองจอกมีอยู่หลายจุดในชุมชน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมผังเมืองเก่า บ้านเรือนเก่า และถ่ายรูปรอบๆชุมชน ช่วงเดือนเมษายนของทุกปีจะมีเทศกาลงานเปิดบ้านชุมชนเก่าหนองจอก ให้ท่องเที่ยวด้วยนะคะ ในงานจะมีการจัดแสดงการละเล่นต่างๆ การแสดง มีอาหารและขนมโบราณให้เราอิ่มเอิบไปตลอดงาน
2.บ้านช่างตีมีดโบราณ ลุงนา (ชุบแข็งด้วยหยวกกล้วย)
ช่างตีมีดโบราณ "ลุงนา ศิลปินบ้านทุ่ง" แห่งบ้านหันตเภา หนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี
น้อยคนที่จะรู้จักช่างตีมีดคนนี้ ที่รังสรรค์งานศิลปะ หัตถกรรม ของชุมชนหนองจอก จากรุ่นพ่อ
มาสู่ปัจจุบันนับ100ปี มีแต่ลูกค้าวงในที่รู้กันว่ามีดลุงนา ใช้ฝีมือล้วนๆ
น้อยคนที่จะรู้จักช่างตีมีดคนนี้ ที่รังสรรค์งานศิลปะ หัตถกรรม ของชุมชนหนองจอก จากรุ่นพ่อ
มาสู่ปัจจุบันนับ100ปี มีแต่ลูกค้าวงในที่รู้กันว่ามีดลุงนา ใช้ฝีมือล้วนๆ
สมัยนี้ถึงแม้ฝรั่งเค้าจะใช่กรรมวิธีแนวอุตสาหกรรมในการทำงาน แต่ลุงยังใช้ฝีมือและหยาดเหงื่อล้วนๆ
ประสบการณ์ ความแม่นยำ สั่งสมมาตั้งแต่วัยเด็ก ตีมีดออกมาเป็นงานคุณภาพ ที่คนวงในต้องมาสั่งซื้ออยู่เรื่อยๆ เพราะรู้คุณสมบัติของงานลุงนาว่า คุณภาพ ปราณีต ใส่ใจ
งานชุบแข็งของลุงนาไม่เหมือนใครๆ ที่ส่วนใหญ่เค้านิยมชุบแข็งด้วยน้ำ น้ำมัน น้ำเกลือ หรือแม่แต่อากาศ หรือลมเย็น
ลุงชุบด้วย "หยวกกล้วย" ซึ่ง คมมีดแข็งกำลังดี ไม่บิ่นง่าย อีกทั้งยังทดสอบลับคมก่อนถึงมือผู้ใช้ตลอด
สามารถพูดได้ว่าลุงชำนาญการใช้วัตถุดิบแบบนี้ จากประสบการ์และความใส่ใจล้วนๆ
สามารถพูดได้ว่าลุงชำนาญการใช้วัตถุดิบแบบนี้ จากประสบการ์และความใส่ใจล้วนๆ
3.ลุงพรทองโบราณ งานช่างทองสกุลเมืองเพชร
ผู้พันพร "ทองโบราณ" ศิลปินที่เรียกได้ว่า ศิลปินระดับโลก ที่ปัจจุบันมีช่างทองสกุลนี้เหลือแค่ 20-30ท่าน
งานลวดลายที่เห็นในรูป เป็นงานทองที่เรียกว่า "สกุลเมืองเพชรบุรี" ซึ่งจัดได้ว่าเก่าแก่กว่าที่อื่น เพราะได้รับอิทธิพลมาจากช่างทองชาวจีนสมัยก่อนนู้น และปัจจุบันกระทรวงวัฒนธรรม ได้ยกให้ช่างทองสกุลเมืองเพชรเป็น "มรดกทางภูมิปัญญา และวัฒนธรรมของชาติ สาขางานฝีมือช่างดั้งเดิม" ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2552 และจัดเป็น 1 ใน 3 ของสกุลช่างทองหลักของประเทศไทย( ช่างทองหลักมี 1.สกุลช่างทองสุโขทัย 2.สกุลช่างทองเมืองเพชร 3.สกุลช่างถมนคร)
งานของลุงพรเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นพ่อ และลุงพรเองได้ไปเรียนด้านนี้มาเฉพาะเพื่อต่อยอดงานของพ่อ และกลับมาอนุรักษ์งานทองเก่าแก่ของเมืองเพชรบุรีบ้านเรา ร้านทองของลุงพรปัจจุบันอยู่ ที่หนองจอก ตั้งอยู่ท่ามกลางสวน กลางนา ไม่มีที่ไหนเหมือน ขายทองกันกลางทุ่งแห่งแรกในไทย
ท่านใดสนใจอาจจะต้องสั่งจองล่วงหน้าหน่อยนะคะ เพราะงานทุกชิ้นแฮนด์เมด เลยทำช้า และจะบอกว่า ทางสายลุงพรเองไม่มีคนสืบสานต่อแล้วนะคะหมดรุ่นนี้แล้วหายากแน่นอนค่ะ
4.ศูนย์เพาะพันธุ์บัวหลวงพระราชินี - สระบัวหลวงพระราชินี
พร้อมจุดพายเรือ ปั่นจักรยาน
"บัวหลวงพระราชินี"
หรือบัวหลวงของพระราชินีเลยก็ว่าได้ เพราะท่านทรงเป็นผู้ค้นพบสายพันธุ์นี้
จากสระหลังวัดหนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี
หรือบัวหลวงของพระราชินีเลยก็ว่าได้ เพราะท่านทรงเป็นผู้ค้นพบสายพันธุ์นี้
จากสระหลังวัดหนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี
ตอนนี้เค้ามีศูนย์เพาะพันธุ์ และขยายพันธุ์ที่หนองจอก คนรักบัวหากันให้กวักเลยกับสายพันธุ์พิเศษนี้ ใครรักบัว อยากชมบัว อยากพูดคุย อยากศึกษามาที่ศูนย์นี้เลย เค้ามีแบ่งปันราคาถูก
ชื่อไทย : บัวหลวงพระราชินี
ชื่อสามัญ : lotus
ชื่อวิทยาศาสตร์ : nelumbo nucifera gaertn
ชื่ออื่นๆ : บัวหลวงเพชรบุรี
วงศ์ : nelumbonaceae
สกุล : lotus
ประวัติ: เป็น บัวที่สมเด็จพระเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปเก็บต้น พันธุ์บัว ที่พระองค์ทรงโปรดจากจังหวัดเพชรบุรี ไปปลูกอนุรักษ์ที่ศูนย์การพัฒนาพิกุลทางจังหวัดนราธิวาส เมื่อปี พ.ศ. 2543
ถิ่นกำเนิด : ไทย
ลักษณะ : เป็นบัวหลวงที่มีลักษณะพิเศษคือ ต้นสูงใหญ่ ก้านใบก้านดอกยาวท่วมศรีษะ ดอกบานสีชมพูสูงพ้นน้ำ 1 - 1.5 เมตร
ช่วงเวลาบาน : บานตอนกลางวัน (04.00 น. – 14.00 น.)
สี : สีชมพูแก่
กลิ่น : หอมอ่อนๆ
ลักษณะดอก :
ดอกตูม : ทรงดอกโคนกว้างปลายเรียว อ้วนป้อม ความอ้วนกับความสูงเกือบจะเท่ากัน คือเส้นผ่าศูนย์กลางของดอกสั้นกว่าความยาวของดอกเพียงเล็กน้อย โคนสีเขียวอ่อน ปลายสีเหลือบชมพู
ดอกบาน
– สีกลีบดอก : สีชมพูแก่
– เกสร : อับเรณูสีขาว ก้านอับเรณูสีเหลืองชมพูอ่อน ๆ เกสรเพศเมียสีเหลือบชมพูอ่อน
– ทรงกลีบดอก : โคนกว้างปลายเรียว
– ทรงดอกบาน : แผ่ครึ่งวงกลม , ทรงป้อมรูปถ้วย
– กลีบดอก : ซ้อนมาก และกลีบเกสรซ้อนมาก
– ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง : 12 – 15 เซนติเมตร
ลักษณะก้านใบและก้านดอก :
ก้านแข็ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 – 1.5 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนเหลือบเขียว สูงประมาณ 130 – 150 เซนติเมตร
ลักษณะใบ :
– ใบอ่อน : ลักษณะค่อนข้างกลม หน้าใบสีเขียวอ่อน หลังใบสีเทาอมชมพู
– ใบแก่ : ชูแผ่เต็มที่แล้วมีลักษณะกลม ขนาดใหญ่ หน้าใบสีเขียวเข้ม หลังใบสีนวลอมเทา
– ขนาดใบ : 50 – 60 เซนติเมตร
วิธีปลูก :
1. การปลูกในสระหรือบ่อ
2. การปลูกในกระถาง
การพักตัวของบัว : ไม่พักตัว
ความกว้างของผิวน้ำ : แคบ, ปานกลาง, กว้าง
ความลึกของน้ำ : ตื้น, ลึกปานกลาง , ลึก
แสง : รับแดด
การขยายพันธุ์ : เหง้า, ไหล
วิธีดูแลรักษา :
โรคและแมลงศัตรู
– แมลง : ไรแดง เพลี้ย และหนอนชอนใบ
– อาการ : ใบเหี่ยวแห้ง เป็นใบกระโถน ใบโปร่งฟ้า
การป้องกัน กำจัด : ใช้สารเคมีกลุ่มคาบาริล คาร์โบซัลเฟน เมทโธมิล ผสมน้ำ และสารจับใบฉีดพ่นทุก 2 – 3 สัปดาห์
ประโยชน์ : บัวหลวงมีประโยชน์ทุกส่วนของบัว เป็นไม้ดอกไม้ประดับ บูชาพระ อาหาร โอสถสาร สมุนไพร และเป็นของประดับตกแต่ง
5.กาแฟโบราณ 100 ปี หนองจอก
"โอยั๊วะ โกปี๊ เซร้อง 100ปี หนองจอก"
ร้านนี้มีความพิเศษตรงที่ อร่อย กลมกล่อม และหอมมาก รสชาติตามประสาดั้งเดิมแถมไม่หวานมากด้วย
และเป็นสูตรที่สืบทอดกันมาจากยุคบรรพบุรุษเจ้าของร้านคนปัจจุบันเลย
และเป็นสูตรที่สืบทอดกันมาจากยุคบรรพบุรุษเจ้าของร้านคนปัจจุบันเลย
ร้านนี้ยังมีทีเด็ดอีก ตรงที่ราคาแก้วละ 10บาท แล้วยังแถมปาท่องโก๋ 2 ตัวอีกน่ะ ยังไม่หมด แถมฟรีน้ำชาหอมๆ ไม่อั้น!!! แต่ต้องมาเช้าๆหน่อยนะ เพราะเค้าเน้นขายช่วงเช้า บางวันสายๆเที่ยงๆก็ปิดแล้ว
แต่ถ้าช่วงไหนแกไม่มีธุระ แกก็เปิดทั้งวันนะ
(เจ้าของชื่อคุณกนก คนหนองจอกเรียก หนก)
แต่ถ้าช่วงไหนแกไม่มีธุระ แกก็เปิดทั้งวันนะ
(เจ้าของชื่อคุณกนก คนหนองจอกเรียก หนก)
ข่าวร้าย😓 อีกหน่อยร้านเค้าจะต้องปิดถาวรแล้วนะ เพราะการทางรถไฟกำลังจะสร้างทางรถไฟใหม่ ภาพบรรยากาศเก่าๆ สภากาแฟยามเช้า วิวสถานีรถไฟดั้งเดิม กำลังจะหายไป (อาจจะย้ายร้าน)
********** ข้อมูลกาแฟโบราณ **********
ผงกาแฟ - ทำจากเมล็ดกาแฟคั่วบด
ผงโอเลี้ยง - ทำมาจากเมล็ดกาแฟคั่วบด แต่จะมีส่วนผสมอื่นๆ ด้วย เช่น ข้าวคั่ว เม็ดมะขาม เนย เป็นต้น
โอเลี้ยง - คือ โอยั๊วะแบบเย็นๆ ใส่น้ำแข็ง
โอยั๊วะ - คือ โอเลี้ยง แต่เป็นแบบร้อน ไม่ใส่น้ำแข็ง
โกปี๊ - คือ กาแฟร้อนใส่นม
โกปี๊ออ - คือ กาแฟร้อนไม่ใส่นม หรือ กาแฟดำ
เซร้อง - คือ ชาร้อนใส่นม (เซ-ร้อง)
เซร้องออ - คือ ชาร้อนไม่ใส่นม คือ ชาดำร้อน(เซ-ร้อง-ออ)
***คนจีนเรียก ชา ว่า "แต้" บางที่จึงมีเมนู
แต้ออ - คือ ชาดำร้อน (เซร้องออ)
แต้ออเลี้ยง - คือ ชาดำเย็น
6.สูดอากาศบริสุทธิ์และเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์
ที่สรวิชญ์ฟาร์ม
หากกำลังมองหาที่เรียนเกษตรอินทรีย์พื้นฐานถึงแอดวานซ์ มาที่นี่เลยค่ะ เค้าเป็นวิทยากรสอนและสาธิตการทำเกษตรอินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นการทำปุ๋ย น้ำหมัก การทำแปลง เป็นต้น หรือจะแวะเข้ามาซื้อผักปลอดสารพิษ หรือผลิตภัณฑ์แปรรูป มาที่นี่ได้เช่นกันค่ะ สรวิชญ์ฟาร์มวิถีเกษตรอินทรีย์
7.ลมดีคาเฟ่ คาเฟ่ของคนรุ่นใหม่
คาเฟ่ของคนรุ่นใหม่ ที่ดูแลสุขภาพ Organic Living ลมดีคาเฟ่ เป็นคาเฟ่ริมนา บรรยากาศธรรมชาติ เหมาะกับการนั่งชิลทั้งวัน บริการเครื่องดื่ม กาแฟ อาหาร
8.สวนสัตว์ The Field Animals Dream
สวนสัตว์ที่ควรแวะมาเที่ยว เมื่อมาหนองจอก หรือเข้าพักที่เรือนธารารีสอร์ท ภายในมีสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ และมีกิจกรรมให้ทำค่ะ
9.หาดแก้ว หาดที่เรียกได้ว่าสวยที่สุด
หาดแก้วเป็นหาดที่มีบริการอาหาร เครื่อดื่ม ห้องน้ำ และจัดเป็นหาดส่วนตัวที่สวยที่สุด
ในระแวกหนองจอกและ ใกล้เรือนธารารีสอร์ท
ในระแวกหนองจอกและ ใกล้เรือนธารารีสอร์ท
10.ครัวป๋าแก้วอาหารพื้นบ้าน รสเด็ดสไตล์เมืองเพชร
มาพักที่เรือนธารารีสอร์ทแล้วแนะนำร้านอาหารพื้นบ้านร้านนี้เลยค่ะ รสจัดจ้านสุดๆ เเรียกได้ว่ามาถึงเพชรบุรีแน่นอนค่ะ แถมราคาไม่แพงเลย บริการเป็นกันเอง
11.ตลาดสดหนองจอก
ตลาดสดหนองจอกเป็นตลาดเก่าแก่ประจำชุมชน ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารพื้นบ้าน ทั้งขนมโบราณ และอาหารพื้นถิ่นที่หากินได้ยาก รวมทั้งอาหารทะเล และที่น่าสนใจ คือราคาถูกมาก เป็นที่ที่แนะนำเลยค่ะ
จะมีตลาด 3 วันคือ พุธ และศุกร์ ช่วง 15.00น.-19.00น. และวันอาทิตย์ 5.00น.-10.00น. ตลาดตั้งอยู่ใกล้สระน้ำ และบึงบัวหลวงพระราชินี นอกจากหาของกินแล้ว ยังเดินและพายเรือชิลๆได้อีกด้วยนะคะ
จะมีตลาด 3 วันคือ พุธ และศุกร์ ช่วง 15.00น.-19.00น. และวันอาทิตย์ 5.00น.-10.00น. ตลาดตั้งอยู่ใกล้สระน้ำ และบึงบัวหลวงพระราชินี นอกจากหาของกินแล้ว ยังเดินและพายเรือชิลๆได้อีกด้วยนะคะ
12.ร้านขนมเปี๊ยโบราณ 60 ปี
ขนมเปี๊ยะโบราณ "โง้วฮั้งเฮง" หนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี เจ้าแรก เจ้าดั้งเดิม เจ้าเดียวที่ทำมา60ปี
ขนมเปี๊ยะเจ้านี้ทำแป้งมีความนุ่มที่นุ่มกำลังดี เนื้อแป้งมีความละเอียดแบบละมุน และออกหอม มัน รวมทั้งไส้ที่หลากหลาย ความหวานแบบพอดีเลย ซึ่งเป็นสูตรที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นมาแต่โบราณ ทำให้ขนมเปี๊ยะที่เรียกว่า "เจ้าแรก เจ้าดั้งเดิม" ของหนองจอกเจ้านี้ ครองใจคนหลายกลุ่มทั่วประเทศเลยทีเดียว ต้องนับมาตั้งแต่ระดับองคมนตรี ดารา นักธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้า
เริ่มเดิมที ต้องท้าวความไปถึงรุ่นก๋ง ของเจ้าของปัจจุบัน ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศจีน มาสร้างโรงงานไว้ที่ หนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี ทำมาจนตกทอดมาสู่รุ่นคุณพ่อ(ของเจ้าของปัจจุบัน) ซึ่งเป็นนักพัฒนา ได้พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ตกทอดมากว่า 60 ปี มาเป็นสูตรลับความอร่อยของเจ้าของปัจจุบัน
ขนมเปี๊ยที่นี่มีหลายไส้ หลายสูตร ทั้งไส้ถัวฟัก ถั่วล้วน ถั่วดำ อีกทั้งมีไส้เค็มที่อร่อยกลมกล่อม หรือจะเป็นขนมเปี๊ยะหมอนไส้น้อยแป้งเยอะนุ่มๆ หรือจะเป็นไส้ไข่แดงใหญ่ๆ ต้องแวะมาลองค่ะ
13. สักการะศาลเจ้าปึงเถ้ากง ประจำหมู่บ้านหนองจอก
ศาลเจ้าเก่าแก่ ที่อยู่เคียงคู่หนองจอกมานาน ภายนอกกำแพงมีงานภาพสตรีทอาร์ทที่พร้อมให้แวะมาเก็บรูปด้วยค่ะ
ภายในยังมีสิ่งปลุกสร้างบางอย่างที่แปลกตา มาดูเองเลยค่ะ
ภายในยังมีสิ่งปลุกสร้างบางอย่างที่แปลกตา มาดูเองเลยค่ะ
14.พิพิธภัณฑ์ผีมด มรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาติ
"พิธีกรรมงานปีผีมด"
พีธีกรรมภูมิปัญญา มรดกวัฒนธรรมของชาติ ที่บ้านเราควรอนุรักษ์ สืบสาน
พีธีกรรมภูมิปัญญา มรดกวัฒนธรรมของชาติ ที่บ้านเราควรอนุรักษ์ สืบสาน
งานปีผีมด มีมานานแล้วแต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดขึ้นในสมัยใด ผู้เฒ่าผู้แก่ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยพ่อแม่ปู่ย่าตายายของท่านก็มีอยู่แล้ว คงเป็นเวลาร้อยปีขึ้นไปแล้วเป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่ที่เพชรบุรีเกิดจากความเชื่อ ในการเซ่นสรวงต่อเทพที่มีประจำในหมู่บ้าน อาทิ คุณพ่อเจ้าบ้าน คุณพ่อหลักเมือง คุณพ่อโหราม คุณพ่อสายน้ำเขียว คุณพ่อยี่สุ่น คุณพ่อหงส์ทอง อันเชิญมารับเครื่องเซ่นไหว้สังเวย การจัดงานปีผีมดนั้นมีขึ้นระหว่างเดือน 6 – 8 ของทุกปี เป็นช่วงหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรและช่วงก่อนเข้าพรรษา ยกเว้นเดือน 3 เดือน 5 และช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน จะไม่จัดงานปีผีมด และจัดเพื่อขอพรให้ชีวิตเกิดความเป็นสิริมงคล อีกทั้งปัดเป่าทุกข์โศก โรคภัยต่างๆ
แต่ยังพิธีกรรมทางภาคเหนือที่มีชื่อเรียกคล้ายกันอีกเช่นกัน ซึ่งจะเรียกพิธีฟ้อนผีมด-ผีเม็ง เป็นการฟ้อนรำเพื่อสังเวยผีบรรพบุรุษ ซึ่งชาวล้านนา(ชาวบ้านในท้องถิ่นภาคเหนือ)นับถือกัน เป็นพระเพณีเก่าแก่ที่สันนิษฐานกันว่ารับมาจากชาวมอญ เพราะคำว่า "เม็ง" ภาษาล้านนาหมายถึงชาวมอญ การแต่งกายของผู้เข้าร่วมพิธีก็จะคล้ายกับชาวมอญ
งานปีผีมด แบ่งเป็น ๒ เวลา คือเวลาภาคเช้ากับเวลาภาคกลางคืน เวลาเช้าเริ่มตั้งแต่ ๙.๐๐-๑๒.๐๐ น. ในพิธีต้องมีศาลเพียงตาหนึ่งที่ มีอาหารคาวหวานเรียบร้อย อาหารคาวมีต้มยำปลากระเบน ไข่ต้ม ๑ ฟอง ต้มจืด ขนมจีน น้ำยา แกงเผ็ด อาหารหวานมี ขนมเปียก กาละแม ข้าวเหนียวแดง ขนมกงเกวียน ขนมสามเกลอ (ชะมด) ข้าวตอกกวนน้ำตาลปั้นเป็นก้อน นายนิมนต์เป็นผู้จุดธูปเทียนบอกคุณพ่อเจ้าบ้าน (เทพที่มีประจำอยู่ในเขตหมู่บ้านนั้นและจะเข้าประทับทรงในพิธีกรรม) ที่ทำในเรื่องงานนี้จากนั้นก็จัดอาหารคาวหวานสำหรับเจ้าที่เข้าประทับทรงทั่ว ๆ ไปอีก ๖ องค์ ซึ่งมีอาหารคาวหวาน ๑๒ สำรับ วางไว้ข้างหน้าที่ประทับทรง เจ้าของงานเป็นผู้จุดธูปเทียนทุกสำรับ เพื่อบอกเจ้าพ่อของเจ้าของงานและเจ้าพ่ออื่น ๆ ให้มาเสวยเพื่อเป็นความสุขของเจ้าของงานและปราศจากโรคภัยต่าง ๆ
ต่อไปคนทรงเริ่มเชิญเจ้าเข้าประทับทรงเพื่อเสวยอาหาร ขณะที่เจ้าแต่ละองค์จะเข้าประทับทรง นายนิมนต์จะต้องขับกล่อมพร้อมกับตีโทนเชิญเจ้าเข้าทรง เจ้าจะร่ายรำก่อนที่จะเสวยอาหารทุกองค์ ซึ่งจะมีราว ๆ ๗ -๑๒ องค์
เจ้าที่เข้ามาประทับทรงในภาคเช้า
เวลากลางคืน เริ่มตั้งแต่ ๑๗.๐๐ น. เรื่อยไปจนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. หรือมากกว่านั้น ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ระยะ ดังนี้
เวลา ๑๗.๐๐ น. ใช้ศาลเพียงตาเดิม จัดอาหารใหม่ตามรายการเดิมเหมือนถาดเช้า และจัดอาหาร
เสวยใหม่อีก ๑๒ ชุด พร้อมทั้งโต๊ะอีก ๓ โต๊ะ (เจ้าของบ้านต้องจุดธูปเทียนบอกใหม่เพราะเจ้าคนละองค์) พิธีการในตอนเย็นมีการร่ายรำแทงแหลน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายนิมนต์ หรือคนที่ครอบแล้ว (คนที่มีครูทำพิธีให้เป็นผู้ทำพิธีกรรมต่อไปได้ โดยไม่มีอันตรายใด ๆ หรือผิดครู) ถ้าคนอื่นจะรำต่อจากนายนิมนต์ก็ได้
พิธีการแทงแหลนมีอุปกรณ์ดังนี้ คือ
ต่อไปคนทรงเริ่มเชิญเจ้าเข้าประทับทรงเพื่อเสวยอาหาร ขณะที่เจ้าแต่ละองค์จะเข้าประทับทรง นายนิมนต์จะต้องขับกล่อมพร้อมกับตีโทนเชิญเจ้าเข้าทรง เจ้าจะร่ายรำก่อนที่จะเสวยอาหารทุกองค์ ซึ่งจะมีราว ๆ ๗ -๑๒ องค์
เจ้าที่เข้ามาประทับทรงในภาคเช้า
๑. เจ้าพ่อเจ้าของงาน ชื่อเจ้าโหรามและเจ้าโหรี ซึ่งเป็นเจ้าในเรื่องพิธีกรรมอันนี้ จะทำให้คนหายเจ็บหรือเจ็บป่วยก็ได้
๒. เจ้าพ่อเจ้าของบ้าน คือเจ้าพ่อที่มีอยู่ในตำบลนั้น
๓. เจ้าพ่อหลักเมือง หรือบางทีก็เรียกว่าเจ้าพ่อเสื้อเมืองทรงเมือง
๔. เจ้าพ่อยี่สุ่น
๕. เจ้าพ่อหงษ์ทอง (เป็นต้นบัญชีของเจ้าของงานทั้งกลางวัน กลางคืน) จะเป็นผู้สำรวจไว้ว่าบ้านใดทำมาแล้วกี่ครั้ง ยังเหลืออีกกี่ครั้งจึงจะครบ
๖. เจ้าพ่อหลวงเพชร
๗. เจ้าพ่อหลวงดง
๘. เจ้าพ่อหลวงพงษ์
(เจ้าพ่อ ๖ ๗ ๘ ทั้ง ๓ องค์ เป็นเจ้าของงานมาทั้งกลางวันและกลางคืน)
๙. เจ้าพ่อเจ้าของร่างทรง
เมื่อร่ายรำและเสวยเสร็จแล้ว จึงออกมารำตีคลี กับคนที่เคยครอบเอาไว้ให้แล้ว ถ้าคนอื่นจะมาตีต่อภายหลังก็ได้ (เวลากลางวันเจ้าจะเป็นใหญ่)เวลากลางคืน เริ่มตั้งแต่ ๑๗.๐๐ น. เรื่อยไปจนถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. หรือมากกว่านั้น ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ระยะ ดังนี้
เวลา ๑๗.๐๐ น. ใช้ศาลเพียงตาเดิม จัดอาหารใหม่ตามรายการเดิมเหมือนถาดเช้า และจัดอาหาร
เสวยใหม่อีก ๑๒ ชุด พร้อมทั้งโต๊ะอีก ๓ โต๊ะ (เจ้าของบ้านต้องจุดธูปเทียนบอกใหม่เพราะเจ้าคนละองค์) พิธีการในตอนเย็นมีการร่ายรำแทงแหลน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายนิมนต์ หรือคนที่ครอบแล้ว (คนที่มีครูทำพิธีให้เป็นผู้ทำพิธีกรรมต่อไปได้ โดยไม่มีอันตรายใด ๆ หรือผิดครู) ถ้าคนอื่นจะรำต่อจากนายนิมนต์ก็ได้
พิธีการแทงแหลนมีอุปกรณ์ดังนี้ คือ
๑. มีแหลน ๑ อัน
๒. มีรูปวัวปั้นด้วยแป้ง ๑ ตัว ไว้สำหรับแทง
๓. มีเครื่องแกง และเครื่องต้มวัวอย่างละหม้อ
๔. มีขาหยั่งสำหรับย่างเนื้อ
๕. มีเตาสำหรับต้ม แกง
๖. มีเหล้า ๑ ขวด
๗. มีบันได ๓ ขั้น ทำด้วยก้านกล้วย หรือก้านมะละกอก็ได้
๘. กระด้ง ๑ ใบ ใส่หินลับมีด ๑ ทราย ๑ น้ำ ๑ ถ้วย เหล้า ๑ ถ้วย ข้าว ๑ ถ้วย กระจ่า ๒ อัน
ในขณะทำพิธีแทงแหลนจะต้องมีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นแม่ประสพเมือง ซึ่งอยู่ในคณะของนายนิมนต์ แต่งตัวนุ่งผ้าจีบยกหน้านาง เอาชายสไบพาดบ่าข้างละชาย แม่ประสพ15.ร้านขนมข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมเบื้องญวน
"ป้ายุพา หรือป้าซิ้ม"
ขนมเบื้องญวน และข้าวเกรียบปากหม้อในตำนาน ทำมานานกว่า40ปี คนหนองจอกรู้กันว่าต้องร้านนี้ค่ะ
ขนมเบื้องญวน และข้าวเกรียบปากหม้อในตำนาน ทำมานานกว่า40ปี คนหนองจอกรู้กันว่าต้องร้านนี้ค่ะ
เนื้อแป้งของป้าจะนุ่ม มัน หอมละมุน ไม่หวานมากเกินไป บอกเลยอร่อยมากค่ะ อร่อยจนซื้อหลายถุงเลย ร้านป้าแกขาย สาคูไส้เค็ม ข้าวเกรียบปากหม้อทั้งไส้หวานไส้เค็ม และขนมเบื้องญวน น้ำจิ้มรสเด็ด
คือด้วยความใส่ใจ พิถีพิถัน สะอาด และพัฒนาความอร่อยอยู่ตลอด ทำให้ร้านป้าแกเป็นที่หนึ่งในใจของคนหนองจอกเลยล่ะ ของอร่อยแบบนี้ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว มาลองดูนะคะ
สนใจมาลอง มาวัน พุธ,ศุกร์ 3โมงถึง1ทุ่ม และวันอาทิตย์ 6โมงถึง9โมงค่ะ
16.ร้านขายผลิตภัณ์สมุนไพร OTOP 5 ดาว
ผลิตภัณฑ์มีหลายประเภท ต้องแวะมาเลือกดูค่ะ
17.ขนมโบราณ โตนดทอด
"โตนดทอด"
เป็นขนมเก่าแก่โบราณกาลมากๆ เค้าว่ากันว่าขนมชนิดนี้นะ เก่าแก่อายุเกิน100 ปีแน่นอน จะบอกว่าของอร่อยขนิดนี้ ที่ หนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี ก็อร่อยนะ หวานกำลังดีเชียวค่ะ
ต้นตาลนั้นน่ะ มันมีเพศด้วยนะ ผู้ กับเมีย ต้นตัวผู้จะมีงวง ส่วนเมียจะมีทลายตาล หรือผลมันที่ออกลูกเป็ช่อๆ นั่นแหละ จริงๆมีวิธีดูอีกนะ ว่าผู้หรือเมีย โดยการดูจากใบ แต่แอดขอละไว้ก่อน ต้นตาล หรือต้นตาลโตนด เป็นปาล์ม อายุ รอดมาถึงวันนี้ นักวิชาการเค้าว่า เป็นล้านปีแล้วนะ รอดมาให้เรากินอร่อยๆ เลย แถมมีประโยชน์ทั้งต้นเลยด้วย
ลูกตาลอ่อนๆ เค้าจะเอามาเฉาะ เอาเมล็ดข้างใน มันจะเป็นเหมือนวุ้นๆนะ เอามาทำลูกตาลลอยแก้ว หรือทานสดๆเลย ถ้าอ่อนมากๆ เค้าจะผ่าเฉพาะ ส่วนบนของผลตาล จะติดเนื้อลูกตาลมาหน่อยๆ ติดเปลือกมานิดๆ เอามาแกงนะ อร่อยๆไปอีก หากินได้ทางเพชรบุรีเป็นส่วนใหญ่ แถวนี้เค้าเรียก แกงหัวตาล
จาวตาล เหมือนๆจาวมะพร้าว มันคืออาหารของต้นอ่อนนั่นเอง คนโบราณเค้าจะไปเอาตอนผลมันแก่ มีรากแทงดินแล้ว มากระเทาะเปลือก เอาเนื้อข้างใน มาทำ จาวตาลเชื่อม ขนมโตนดทอด
โตนดทอด เป็นขนมที่คนท้องถิ่นและคนต่างถิ่นจะชอบขนมนี้มาก เพราะมันหวานหอม แป้งที่เคลือบจาวตาลไว้ แล้วทอด จะกรุบๆนิดๆ แต่กรรมวิธีที่ทำน่ะ ไม่ธรรมดาเลย เพราะคนทำต้องรอเจ้าผลแก่ ที่มีเมล็ดแข็งๆด้านใน ออกรากซะก่อน แล้วค่อยเอามากระเทาะเปลือกออก เอาจาวตาลด้านในออกมาล้าง ขัดด้วยใบตอง แล้วนำไปเชื่อม เสร็จเอามาทอดอีกที ระยะเวลาทำก็ไม่ใช่ จะทำได้เร็วนะ เพราะตาลเนี้ย โตช้ามากๆ นี่แหละ ของดีของเพชรบุรี ที่หนองจอก ท่ายาง มีให้มาชิม
หาชิมได้จากหลายๆเจ้าในตลาดสดค่ะ
18.ศูนย์บริกาข้อมูลนักท่องเที่ยว และพิพิธภัณฑ์หนองจอก
ปัจจุบันต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนเข้าชมค่ะ แต่สามารถดูวิดีโอประวัติศาสตร์ ด้านล่างได้นะคะ
19.เทศกาลเปิดบ้านชุมชนเก่าหนองจอก
เป็นงานเทศกาลที่มีการละเล่นแบบไทยโบราณ งานแสดง วิ่งคนลาน ขายอาหารไทยพื้นบ้าน และมีอีกหลายๆอย่างที่น่ามาเที่ยวชม งานจะจัดประจำทุกเดือนเมษายน ช่วงสงกรานต์ของทุกปี
20.งานชมบัวหลวงพระราชินี หนองจอก
เป็นงานที่จัดริมสระบัวหลวงพระราชินี มีทั้งการแสดง ขายของ ดนตรี อาหารพื้นบ้าน บรรยากาศดีมาก มาแล้วไม่มีวันลืมค่ะ แต่จะจัดช่วงเดือนเมษายน หรือหน้าร้อน เพราะมีดอกบัวเยอะเป็นพิเศษในช่วงนั้น
21.เส้นทางปั่นจักรยานท่องเที่ยว
หนองจอก ท่ายาง เพชรบุรี มีเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวชมชุมชน ชมท้องทุ่ง ต้นตาล วิถีชาวบ้านที่สวยงามค่ะ
22.อาหารท้องถิ่น
อาหารท้องถิ่นเพชรบุรี เป็นอาหารรสจัดจ้าน เข้มข้น แต่ไม่ถึงเผ็ดมากเหมือนภาคใต้ ขนมก็หวานมันหอม เพราะใช้น้ำตาลโตนด ลองแล้วจะติดใจค่ะ
23.ลุงฮวด ผัดไทยถอดเสื้อ 100 ปี
ลุงฮวด ผัดไทยถอดเสื้อ" ของดีหนองจอกที่ต้องมาลอง
ร้านนี้แกผัดมาตั้งแต่รุ่นแม่ ชื่อยายบาง ต่อมาตกมาสู่รุ่นลุงฮวด เป็นผัดไทยแบบฉบับโบราณเลย ผัดไทยใช้เส้นกลางๆ ไม่เหนียวมาก ไม่นุ่มเกิน รสชาติจะออกหวานเผ็ด เปรี้ยว แบบบ้านๆเลย ข้อดีคือผัดไทยร้านแกผัดทีละจานเท่านั้น(ต่อกระทะ) และสามารถเก็บค้างคืนโดยที่เส้นไม่ติดกัน เข้าเวฟอุ่นกินได้เลย (ลุงแกทำเหมือนง่ายแต่อร่อยมากๆค่ะ)
ร้านนี้แกผัดมาตั้งแต่รุ่นแม่ ชื่อยายบาง ต่อมาตกมาสู่รุ่นลุงฮวด เป็นผัดไทยแบบฉบับโบราณเลย ผัดไทยใช้เส้นกลางๆ ไม่เหนียวมาก ไม่นุ่มเกิน รสชาติจะออกหวานเผ็ด เปรี้ยว แบบบ้านๆเลย ข้อดีคือผัดไทยร้านแกผัดทีละจานเท่านั้น(ต่อกระทะ) และสามารถเก็บค้างคืนโดยที่เส้นไม่ติดกัน เข้าเวฟอุ่นกินได้เลย (ลุงแกทำเหมือนง่ายแต่อร่อยมากๆค่ะ)
ลุงขายทุกวันยกเว้นวันจันทร์
***ห้ามพลาด***
24.โรงสีเก่า
โรงสีเก่าที่ใช้ระบบสายพาน อายุประมาณ 40 - 60 ปี เป็นสถานที่ ที่ต้องแวะมาเก็บรูปไว้หน่อยนะคะ
ไว้แวะมาเที่ยวกันนะคะ สถานที่เที่ยวอื่นๆจะมาทยอยลงต่ออีกภายหลังนะคะ ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น